ทุกวันนี้ Notebook หรือแล็ปท็อปถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมี ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนและนักศึกษาที่ต้องเรียนออนไลน์ รวมถึงวัยทำงานก็ต้องใช้เป็นประจำทุกวันเช่นกัน รวมถึงการใช้โน้ตบุ๊กเพื่อบริโภคเนื้อหาความบันเทิง ทำให้โน้ตบุ๊กมีสเปคที่แรงเพียงพอ เพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้งานที่หลากหลาย ส่งผลให้โน้ตบุ๊ก Intel Core i5 ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากเป็นซีพียูที่แรงและราคาเอื้อมถึงได้
ในบทความนี้ เราขอพาคุณไปทำความเข้าใจวิธีการเลือกโน้ตบุ๊ก Intel Core i5 ซึ่งจะเจาะลึกถึงวิธีการตรวจสอบสเปก ทั้งในส่วนของ CPU, RAM, GPU, หน้าจอ และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าแล็ปท็อป Intel Core i5 รุ่นใดที่เหมาะกับคุณที่สุด เรายังมาพร้อมกับแล็ปท็อป Intel Core i5 10 อันดับแรกจากแบรนด์ชั้นนำ เช่น ASUS, Lenovo, Acer, DELL, HP และแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจะเป็นยังไงนั้นไปชมกันเลย
วิธีการเลือกโน้ตบุ๊ก Intel Core i5
สำหรับหัวข้อนี้ เราจะแนะนำคุณเกี่ยวกับวิธีการเลือกแล็ปท็อป Intel Core i5 ซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลเพื่อให้คุณพิจารณาเมื่อซื้อแล็ปท็อป Intel Core i5 ใหม่ของคุณ จะมีอะไรบ้าง? มาดูกัน!
① ตรวจสอบรหัสของ CPU

แม้ว่าจะเป็น Intel Core i5 เช่นกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีประสิทธิภาพเท่ากัน เนื่องจาก Intel มีซีรีส์ย่อยเพิ่มเติมสำหรับแต่ละ CPU โดยใช้รหัสที่ประกอบด้วยตัวเลขและตัวอักษรภาษาอังกฤษในการระบุรุ่นที่ต้องการ
รหัสนำหน้า ใช้ระบุรุ่นของ CPU

CPU ของ Intel จะทำหน้าที่แทนการเรียกรุ่นของตัวเอง (Generation) จากตัวเลข ซึ่งตอนนี้จะพัฒนามาถึง 10 (10th Generation) แล้ว ซึ่งถ้าใครมีโน้ตบุ๊กที่ใช้ Intel Core i5 จำไว้นะครับ ลืมตรวจสอบจากหน้าบนของรหัสรุ่นย่อยซึ่งจะต่อท้ายจากซีรีส์หลักของ CPU นั้นๆ เช่น
i5-1135G7 หมายเลข 11 ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้รุ่น Intel Core i5 ถึง 11
i5-8265U หมายเลข 8 ถูกต้อง เป็นหมายเลขรุ่นของ Intel Core i5 ถึง 8
รหัสหลังรหัสตรวจสอบรุ่น CPU จะได้รับรหัสผลิตภัณฑ์ ซีพียูจะต้องถูกจัดเก็บไว้ในซีรีย์ย่อยแต่ละซีรีย์ด้วยหมายเลขเดียวกัน ที่สามารถทำได้ หรือเป็น Store Keeping Unit (SKU) )
รหัสต่อท้าย ใช้บ่งบอกซีรีส์ย่อยของ CPU

การจัดอันดับมักจะพาทุกคนมาลองกับซีรีส์ย่อยในซีพียู Intel Core i5 ซึ่งจะมีรหัสต่อท้ายเป็นอักษรไทย (Suffixes) ได้แก่ G และ H ในแต่ละซีรีส์ย่อยที่ต้องลุ้นกันว่าจะมี ไฮไลท์จะเป็นอย่างไรต่อไป
G-code: รวมกราฟิกแยกบนแพ็คเกจการทำงาน ซึ่งยิ่งเลขสูงก็ยิ่งต้องระวัง อธิบายรหัสของ CPU เช่น i5-1135G7
รหัส H: ประสิทธิภาพสูงคือรหัส CPU ที่กำหนดไว้โดยเฉพาะสำหรับแอปพลิเคชัน เช่น เกม งานกราฟิกที่จำเป็นสำหรับการดาวน์โหลดวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับระดับ 2K, 4K เป็นต้น ตัวอย่างของรหัส CPU ได้แก่ i5- 11400H
หากเป็นไปได้ สามารถอ่านรหัส CPU ได้ เราขอแนะนำให้คุณใช้รหัส CPU ที่จำเป็นในการประกอบ คุณจะสนใจโน้ตบุ๊กที่ใช้ CPU Intel Core i5 เนื่องจากอาจต้องบุ๊กมาร์กคำตอบไว้ ใช้งานที่ต้องการ. ตกลง.
② ตรวจสอบสเปกของโน้ตบุ๊ก
เมื่อทำสิ่งนี้แล้ว รหัส CPU จะถูกโอเวอร์โหลดแล้ว ถัดไปคือข้อยกเว้นข้อกำหนดบุ๊กมาร์กของเบ็คแฮม ตามด้วย RAM ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่บันทึกไว้สำหรับการ์ดแสดงผลทุกครั้งและเมื่อดำเนินการ ตามมาทีหลัง
เลือกขนาด Ram ให้เพียงพอต่อการใช้งาน

อย่าลืมคั่นหน้า Intel Core i5 เพื่อทำงานร่วมกับผู้เล่นอื่นโดยเฉพาะ เราทุกคนเลือกแล็ปท็อปเพื่อลืม RAM ขนาด 8GB และ RAM ขนาด 8GB ก็เป็นมาตรฐานสำหรับคอมพิวเตอร์ที่อัปเดตแล้ว ถ้าเป็นไปได้ เพราะเฉพาะระบบปฏิบัติการ Windows 10 จะใช้ RAM ของคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กของเราเกือบ 20% ของ RAM ทั้งหมด เช่น ใช้เว็บเบราว์เซอร์ที่คอมไพล์ไว้ เช่น Google Chrome เรื่องใช้ทรัพยากร RAM เยอะจนต้องใช้เต็ม 100% หรือที่เรียกว่า “กินแรม” ซึ่งถ้าเหลือแต่คอมหรือบุ๊กกิ้งที่มี RAM เกิน 8GB จะเข้าใจไหม?
เลือกชนิดของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล
โน้ตบุ๊ก Intel Core i5 ในปัจจุบันจะนิยมใช้ SSD ประเภท PCIe NVMe M.2 เพราะมีขนาดเล็ก กะทัดรัด น้ำหนักเบาและมีประสิทธิภาพสูงที่สุดเมื่อเทียบกับ SSD ประเภทอื่น ๆ นั่นเอง และนอกจากจะมีประสิทธิภาพในการอ่านและเขียนข้อมูลที่รวดเร็วกว่า HDD แล้ว ในเรื่องของการประหยัดพลังงานและความทนทานก็ยังเหนือกว่ามากเลยครับ สำหรับความจุของ SSD ที่เราขอแนะนำก็คือ ไม่ควรต่ำกว่า 256GB สำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น งานเอกสาร ท่องอินเทอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลง แต่ถ้าหากเป็นลักษณะงานที่หนักขึ้นมาอีก เช่น ตัดต่อวิดีโอ ตัดต่อภาพ หรือเล่นเกม เราขอแนะนำให้เลือกโน้ตบุ๊กที่มีความจุของ SSD ที่ไม่ต่ำกว่า 512GB ครับ
เลือกการ์ดจอให้เหมาะสมกับการใช้งาน
สำหรับโน้ตบุ๊กนั้น สามารถแบ่งการ์ดจอ (Graphics Processing Unit : GPU) ได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ได้แก่ การ์ดจอทำงาน และการ์ดจอเล่นเกม ซึ่งวัตถุประสงค์ในการใช้งานก็ตรงตามชื่อแต่ละประเภทเลยครับ
- “การ์ดจอทำงาน” จะเหมาะสมกับการนำมาใช้ทำงานเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นงานด้านเอกสาร ตัดต่อวิดีโอ หรืองานด้านกราฟิก และด้วยการที่ใช้สำหรับทำงานโดยเฉพาะ จึงทำให้ประหยัดพลังงานมากกว่าการ์ดจอเล่นเกมครับ ซึ่งการ์ดจอสำหรับโน้ตบุ๊กที่เน้นทำงานโดยเฉพาะจากฝั่ง NVIDIA จะขึ้นต้นด้วยรหัส “MX” เช่น NVIDIA GeForce MX350 ส่วนทางฝั่ง AMD จะเป็นซีรีส์ “Vega” เช่น AMD Redeon RX Vega 8
- “การ์ดจอเล่นเกม” ถูกออกแบบมาให้ใช้กับโน้ตบุ๊กเล่นเกมโดยเฉพาะ เพราะมีประสิทธิภาพในการแปลงสัญญาณข้อมูลกราฟิกที่สูง แต่ประสิทธิภาพจะขึ้นอยู่กับรุ่นและ Segment ของการ์ดจอ ซึ่งถ้าเป็นในฝั่งของ NVIDIA จะประกอบด้วยซีรีส์ GeForce GTX และ RTX นั่นเอง ส่วนทางฝั่ง AMD Radeon RX ก็มีสองซีรีส์เช่นเดียวกัน ได้แก่ ซีรีส์ล่าสุด 5000m และ Radeon 6000m นั่นเองครับ
③ ตรวจสอบคุณภาพของจอภาพ
คุณภาพของจอภาพเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งฝั่งโน้ตบุ๊กทำงานหรือโน้ตบุ๊กเล่นเกม แต่ความสำคัญนั้น อาจจะอยู่คนละจุดกันเท่านั้นเองครับ เริ่มจากโน้ตบุ๊กทำงาน โดยเฉพาะงานด้าน Internet Contents หรืองานภาพและกราฟิก รวมไปถึงตัดต่อวิดีโอ ควรเลือกที่มีจอภาพที่สามารถแสดงผลของชุดสีได้อย่างเที่ยงตรง โดยเฉพาะค่าขอบเขตสี “sRGB” หรือ “DCI-P3” ที่ไม่ควรต่ำกว่า 100% เพื่อให้สีของภาพหรือวิดีโอที่ถูกปรับแต่งออกมาไม่ผิดเพี้ยนจากที่คุณต้องการให้เป็นครับ
สำหรับโน้ตบุ๊กเล่นเกม ควรให้ความสำคัญกับอัตรา “Refresh Rate” ของหน้าจอ ซึ่งมีหน่วยเป็น Hertz (Hz) ที่ยิ่งมีค่ามากเท่าไร ยิ่งส่งผลให้หน้าจอของโน้ตบุ๊กมีความลื่นไหลมากขึ้นเท่านั้น โดยค่า Refresh Rate จะมีผลอย่างมากกับคอเกมแนว First-Person Shooter (FPS) เพราะต้องอาศัยความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวและการแย่งชิงจังหวะในการยิง ซึ่งอัตรา Refresh Rate สำหรับโน้ตบุ๊กเล่นเกมที่เราขอแนะนำก็คือ ไม่ควรต่ำกว่า 120 Hz ครับ
④ เลือกโน้ตบุ๊ก Intel Core i5 แบบ 2-in-1 เพื่อการใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้น
นอกจากโน้ตบุ๊ก Intel Core i5 แบบปกติที่พบเห็นกันทั่วไปแล้ว ในปัจจุบันก็ยังมีโน้ตบุ๊ก Intel Core i5 แบบ 2-in-1 ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ซึ่งโน้ตบุ๊กแบบ 2-in-1 นี้ คือการนำลักษณะเด่นระหว่างโน้ตบุ๊กทั่วไปและแท็บเล็ตมารวมกัน เพราะตัวหน้าจอสามารถพับได้แบบ 360 องศา พร้อมกับรองรับการ Touchscreen บนหน้าจอ เพื่อให้คุณสามารถพับใช้งานได้แบบแท็บแล็ตในกรณีที่ไม่จำเป็นต้องใช้แป้นพิมพ์ หรือจะพับเป็นลักษณะสามเหลี่ยมเพื่อตั้งหน้าจอสำหรับนำเสนอผลงาน, ดูหนังหรือซีรีส์ ก็ได้เช่นเดียวกันครับ ที่สำคัญคือโน้ตบุ๊กแบบ 2-in-1 ส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักเบากว่าโน้ตบุ๊กทั่วไป ทำให้พกพาสะดวกยิ่งขึ้นครับ
⑤ น้ำหนักของโน้ตบุ๊กก็เป็นสิ่งสำคัญ
หากคุณเป็นคนที่ต้องทำงานนอกสถานที่หรือพกพาโน้ตบุ๊กตัวเก่งของคุณติดตัวไปด้วยตลอดเวลา ก็คงจะทราบดีว่า การได้มีโน้ตบุ๊กน้ำหนักเบาถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐ เพราะนอกจากจะสะดวกสบายในการเคลื่อนที่แล้ว ยังทำให้ร่างกายไม่ต้องรับภาระหนักจากการพกพาโน้ตบุ๊กที่มีน้ำหนักมากอีกด้วย ซึ่งน้ำหนักของโน้ตบุ๊กจะมีตั้งแต่ไม่ถึง 1 กิโลกรัม ไปจนถึงเกือบ 3 กิโลกรัมเลยก็มีครับ โดยทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของโน้ตบุ๊ก สเปก รวมไปถึงวัสดุที่นำมาใช้ผลิตนั่นเองครับ
นอกจากบทความโน้ตบุ๊ก Intel Core i5 แล้ว เรายังมีบทความเกี่ยวกับโน้ตบุ๊กอีกหลายบทความ โดยเราขอแนะนำเป็นโน้ตบุ๊กแต่ละแบรนด์ ทั้ง Asus, Acer, HP, Lenovo เพื่อให้ใครที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊กคู่ใจได้รู้จุดเด่น – จุดด้อยของโน้ตบุ๊กแต่ละแบรนด์ ดังนี้
บทความที่เกี่ยวข้อง